ไอเดียแมตช์ 'กางเกงยีนส์' ให้สาวเตี้ย/สูง
นี่เลย สำหรับสไตล์ยุค 90 พี่จูเนียร์เลือกแมตช์กางเกงยีนส์ทรง Mom Jeans จากร้าน Janistastore สีน้ำเงินเข้ม เอวสูง ที่ช่วยให้ดูมีเอวและสะโพก การพับขากางเกงเผยให้เห็นข้อเท้าทำให้ดูไม่ตัน/ดูสูงขึ้น
ลุคที่สองของพี่จูเนียร์ การที่จะแมตช์เสื้อยืดสกรีน ถ้าใส่กางเกงยีนส์ขาสั้นก็จะทำให้ลุคดูธรรมดา ยิ่งปล่อยชายเสื้อออกมาและกางเกงแบบพับขา ก็ยิ่งทำให้ดูตัวใหญ่ ดูไม่มีเอวและสะโพกไปอีก
ลุคที่สามของพี่แพรว การแมตช์เสื้อลายขวางสำหรับคนตัวเล็กเนี่ยก็เป็นปัญหาน้า การปล่อยชายเสื้อ บวกกับการใส่กางเกงแบบหลวมๆ โคร่งๆ เนี่ยยิ่งทำให้ดูเตี้ยและผอมเกินไป
สำหรับลุคสุดท้าย ลุคทางขวา กางเกงแบบสวย แต่ไม่เข้ากับเสื้อลายขวางของเรา ดูเป็นลุคที่ธรรมดาไปเลย ทำให้ดูอ้วน กางเกงขาบานที่มีดีเทลขาดเยอะๆ แบบนี้ก็ต้องแมตช์กับท่อนบนสีล้วน อย่างเสื้อครอปสีขาว
10 กฏหลักของคนรักยีนส์
ทำไมผู้หญิงทั่วโลกหลงรักกางเกงยีนส์ ก็เพราะกางเกงยีนส์ช่วยให้คุณดูเพียวและเซ็กซี่น่ะสิ แต่การเลือกกางเกงยีนส์ให้เหมาะกับรูปร่างนั้นยากกว่าเลือกบิกินี่ซะอีก นี่คือคู่มือที่จะช่วยให้คุณค้นพบกางเกงยีนส์ในฝัน
1.เลือกซื้อไซส์เล็กกว่าขนาดจริง 1 เบอร์ 2.ถ้าเจอตัวที่ถูกใจซื้อไว้เลย 2 ตัว 3.เลือกกางเกงยีนส์แบบซิป 4.อย่าลืมเอาเข็มขัดไปด้วย 5.นำไปซักก่อนการแก้ไขใดๆ 6.รักษาตะเข็บที่ปลายขาไว้
|
Match "กางเกงยีนส์ลีวาย Levi's ดีไซน์สวย ทรงสวย ทันสมัย" ตัวโปรด 7วัน 7สไตล์
กางเกงยีนส์ Levi's ดีไซน์สวย ทรงสวย ทันสมัย มีให้เลือกหลากหลาย แบรนด์ดัง มีมาให้เลือกใส่ให้เข้ากับชุดสวยๆด้อย่างลงตัวกับ7วันที่น่าลองใส่
levi's แจ่มๆ แฟชั่นเสื้อยีนส์ levi's ผู้ชาย เท่แบบมีสไตล์และไม่เคยเอาท์ !
เสื้อยีนส์ เป็นอีกหนึ่งไอเทมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายยอดนิยม ที่ไม่ว่าโลกของแฟชั่นหมุนเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่เสื้อยีนส์ก็ยังไม่เคยเอาท์เลยแม้แต่น้อย แถมยังสามารถหยิบมาใส่ได้ตลอดเวลาด้วย หากใครมีเสื้อยีนส์ที่ซื้อมานานแล้ว ก็ยังหยิบมาใส่ได้เรื่อย ๆ ที่สำคัญร่องรอยความเก่า ชายรุ่ยนิด ๆ ยิ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เสื้อยีนส์ดูคลาสสิกขึ้นมาเลยล่ะ
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจเลยสักนิดที่ผู้ชายหลายคนหลงใหลการใส่เสื้อยีนส์ เพราะใส่ง่าย ใส่สบายเหมาะกับอากาศบ้านเรา และไม่ว่าจะหยิบมาใส่คู่กับกางเกงหรือรองเท้าชนิดไหน ก็สามารถมิกซ์ แอนด์ แมตช์ให้ลงตัวได้ไม่ยาก แต่ถ้าเบื่อการใส่เสื้อยีนส์เปล่า ๆ คู่กับกางเกง ก็เปลี่ยนมาใส่คลุมทับเสื้อยืดสีเรียบ ๆ ด้านในก็ได้นะครับ เอาเป็นว่ามาดูไอเดียการแต่งตัวด้วยเสื้อยีนส์ที่เรานำมาฝากกันบ้างดีกว่า เผื่อว่าจะเป็นไอเดียให้หนุ่ม ๆ ได้ลองนำไปปรับให้เข้ากับสไตล์การแต่งตัวของตัวเองดูครับ
ไม่ว่าจะใส่ออกไปเดินเล่นชิล ๆ หรือไปงานสำคัญที่ต้องการความสุภาพ ก็สามารถหยิบเสื้อยีนส์มาใส่ได้ทุกสถานการณ์เลยก็ว่าได้ สำหรับหนุ่ม ๆ คนไหนที่ยังไม่มีเสื้อยีนส์ติดตู้เสื้อผ้าไว้ล่ะก็ ไปหาซื้อกันมาใส่เท่ ๆ กันได้แล้วครับ
DENIM – JEANS ต่างกันอย่างไร
jeans (ยีนส์) หมายถึง กางเกงแบบลำลองชนิดหนึ่งอาจทำมาจากผ้าอะไรก็ได้ ส่วนใหญ่มักมีกระเป๋า 5 กระเป๋า (หน้า 2 + หลัง 2 + กระเป๋าใส่เหรียญ 1)
Denim (เดนิม) หมายถึง ผ้าทอจากฝ้ายชนิดหนึ่งมีความแข็งกระด้างมากกว่าผ้าฝ้ายที่ใช้วิธีทอขึ้นแบบอื่น
ถ้าสังเกตให้ดีผ้าจะเห็นด้ายอย่างน้อย 2 เส้นทอขนาดกันเป็นลายทาง ผ้าเดนิมแบบดั้งเดิมจะย้อมด้วยสีคราม (Indigo) ในปัจจุบันเราอาจใช้คำว่ายีนส์ ในความหมายว่าเป็นกางเกงผ้าเดนิม จริงๆแล้วความหมายนี้ก็มีที่มาเหมือนกัน คือ ยีนส์มาจากคำว่า bleu de Gênes แปลตรงๆตัวได้ว่า blue of Genoa หรือสีฟ้าแห่งเจนัว ซึ่งเมืองเจนัว ประเทศอิตาลีเป็นสถานที่ผลิตกางเกงผ้าเดนิมสีฟ้า หรือ’กางเกงยีนส์’ แห่งแรกนั่นเอง
10 อันดับแบรนด์ยีนส์ที่ขายดีที่สุดในโลก
ยีนส์ เป็นเสื้อผ้าที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ในกลุ่มผู้ใช้ทุกวัยไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ส่วนใหญ่ผ้าที่นำมาใช้จะเป็นผ้าเดนิม หรือผ้าที่มีความทนทาน ซึ่งผ้าเดนิมโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว จะมี 2 ประเภท คือ บลู เดนิม และ อินดิโก้ เดนิม ส่วนสีสันของยีนส์นั้น ก็มีความหลากหลาย แตกต่างกันไป
ยีนส์ ยังเป็นเสื้อผ้าที่ได้รับการยอมรับว่า สวมใส่สบาย ไม่ต้องซักบ่อย ไม่ต้องการการดูแลมากนัก ส่วนทรงและสไตล์ก็จะมีหลากหลายให้เลือกใช้ตามรสนิยม และความเหมาะสมของผู้สวมใส่แต่ละคน ยีนส์ที่ได้รับความนิยมสูง ๆ บางรุ่น แม้จะมีราคาแพง แต่ผู้ใช้ก็ยินดีที่จะจ่าย ซึ่งยีนส์ที่ได้รับการจัดอันดับว่าขายดีที่สุดได้รับความนิยมสูงสุด 10 แบรนด์ ในปีนี้ รวมทั้งปีหน้า จากการรวบรวมข้อมูลของ top101news โดยเริ่มจากอันดับที่ 10 คือ
- True Religion แบรนด์นี้ นับว่าได้รับความนิยมอย่างมาก แม้จะไม่ใช่ยีนส์เก่าแก่ เพราะเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2002 ที่แมนฮัตตันบีช แคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันแบรนด์นี้มีธุรกิจกระจายไปทั่วโลก ความโดดเด่นคือ งานของเขาเป็นงานที่ทำด้วยมือ ผลิตในสหรัฐอเมริกา และวางจำหน่ายในร้านระดับแนวหน้าทั่วโลก เป็นยีนส์ที่สวมใส่สบาย ใช้เดนิม และวัสดุคุณภาพดี ผู้นิยมแบรนด์นี้ มักเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ชอบตามแฟชั่น
- Giorgio Armani ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1975 สำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงมิลาน อิตาลี ถือว่าเป็นแบรนด์หรู ที่ผลิตทั้งยีนส์ เครื่องประดับ แว่นตา นาฬิกา และสินค้าอื่น ๆ สำหรับยีนส์นั้น เริ่มผลิตในปี 1981 ใช้ผ้าเดนิม ตัดเย็บทั้งกางเกงขายาว และเสื้อแจ็คเก็ต และจะวางจำหน่ายในร้าน Emporio Armani ที่มีสาขาทั่วโลก ยีนส์ของแบรนด์นี้ มีหลายแบบ หลายสี สวมใส่สบาย แต่ราคาค่อนข้างจะสูงสักหน่อย
- United Color of Benetton แบรนด์นี้ ก่อตั้งในอิตาลีเช่นกัน เมื่อปี 1950 ผู้ก่อตั้งคือ Luciano Benetton ยีนส์ของเขานั้น มีความหลายหลายมาก ทั้งรูปแบบ สไตล์ สีสัน และไม่เคยล้าสมัย ยีนส์ทุกตัว จะติดเครื่องหมายการค้าที่กระเป๋าหลัง นับว่าเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งลูกค้าชายและหญิง แถมราคาก็อยู่ในระดับที่คนส่วนมากรับ
- Calvin Kline เป็นแบรนด์จากนิวยอร์ค ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1968 โดยนักออกแบบแฟชั่นชื่อ Calvin Kline ผลงานออกแบบของเขาโดดเด่นไม่เหมือนใคร สไตล์ที่ออกมาจะดูสบาย ๆ ลำลอง และทันสมัย ยีนส์ของเขาจะใช้สัญญาลักษณ์ cK ในการทำตลาด และปัจจุบัน มีการวางจำหน่ายทั่วโลก
- Lee Cooper ก่อตั้งขึ้นโดย Morris Cooper ในปี 1908 ที่ประเทศอังกฤษ ทั้งกางเกง และแจ็คเก็ตยีนส์ของเขา ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้ทั่วโลก เพราะความโดดเด่น สวมใส่สบาย และเลือกใช้วัสุดคุณภาพดี ในการผลิต ก็ว่าจ้างแรงงานที่มีฝีมือดี Lee Cooper จะนำสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ออกวางจำหน่ายเสมอ นับว่าเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในตลาดต่างประเทศ
- Lee สำนักงานใหญ่ของ Lee อยู่ที่แคนซัส สหรัฐอเมริกา เริ่มผลิตยีนส์เดนิมครั้งแรก เมื่อปี 1889 และพบว่า เดนิม เป็นวัสดุที่ดี สวมใส่สบาย ปัจจุบันแบรนด์นี้ มีการผลิตและจำหน่ายในต่างประเทศทั่วโลก นอกจากความสบายในการสวมใส่แล้ว ยังมีราคาไม่แพงอีกด้วย
- Pepe Jeans London แบรนด์นี้ ก่อตั้งขึ้นในลอนดอนเมื่อปี 1973 แต่มีพื้นเพมาจากสเปน ทั้งสไตล์ และดีไซน์ของเขามีความหลากหลายมาก เลือกใช้ดีนิมคุณภาพดี สวมใส่สบายลำลอง ที่สำคัญ เขาเน้นความมีคุณภาพในระดับราคาที่ไม่แพง ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมาก
- Wrangler สำนักงานใหญ่ของเขาอยู่ที่นอร์ธ แคโรไลน่า สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1947 ทางบริษัทผลิตยีนส์ดีนิมหลายรูปแบบ ดีไซน์ทันสมัย เนื้อผ้าสวมสบาย ไม่หนักเมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ถือว่าเป็นแบรนด์ที่เก่าแก่มาก สัญลักษณ์ของเขาคือตัวอักษร W ที่กระเป๋าหลัง
- Diesel ผู้ก่อตั้งคือ Renzo Rosso เมื่อปี 1978 นับว่า กว่าจะก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดที่ครองใจวัยรุ่นนี้ได้ เขาต้องใช้เวลาไม่น้อยทีเดียว ในช่วงยุค 90 ทางบริษัทได้เริ่มทำตลาดต่างประเทศ โดยเน้นการใช้ผ้าเดนิม ที่มีมาตรฐาน สวมใส่สบาย กระชับและทนทาน ปัจจุบันธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จทั่วโลก
- Levi Strauss & Co แบรนด์นี้ เป็นผู้บุกเบิกวงการเดนิม มาตั้งแต่ 163 ปีที่แล้ว ผู้คิดค้นยีนส์คนแรกคือ Jacob Davis ซึ่งได้เข้ามาร่วมมือกับ Levis Strauss & Co ในปี 1873 มีการผลิตทั้งยีนส์ กางเกงขายาว ขาสั้น เสื้อเชิ้ต แจ็คเก็ต และสินค้าอื่น ๆ แต่ที่โดดเด่นมากคือกางเกงยีนส์ หลากหลายทรง ไม่ว่าจะเป็น tall, skinny,boot cut, taper, relaxed, slim และ straight เขายังเลือกใช้ผ้าคุณภาพเยี่ยม ทำให้คนทั่วโลกหลงรัก โดยเฉพาะซี่รีย์ 500 ซึ่งครองใจลูกค้าเพศชาย ส่วนซีรี่ย์อื่น ๆ คือ 300,400,700 และ 800 ก็ได้รับความนิยมจากลูกค้าผู้หญิง รุ่นที่ทำให้ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือ 501นั่นเอง
เปิดประวัติศาสตร์ยีนส์ ลีวายส์ 501 กว่า 124 ปี
ลีวายส์ นำสาวกเสื้อผ้าวินเทจร่วมเดินทางย้อนเวลาไปยังต้นกำเนิดตั้งแต่ยุคตื่นทองกับเสื้อผ้าสไตล์วินเทจที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ยีนส์อเมริกันอันล้ำค่า Levi’s Vintage Clothing (LVC) และสินค้ารุ่นพรีเมี่ยม Levi’s Made and Crafted™ (LMC) ที่ออกแบบตัดเย็บด้วยกรรมวิธีพิเศษอย่างพิถีพิถัน มาให้คนไทยได้จับจองเป็นเจ้าของกันแล้วที่แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ร้านลีวายส์ สาขาโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี กรุงเทพฯ
Levi’s Vintage Clothing (LVC)
ลีวายส์ คัดสรรกางเกงยีนส์ยอดฮิตสุดเก๋าจากช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 124 ปีของลีวายส์ 501 มาผลิตใหม่ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมที่เคยทำเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วในแบบย้อนยุคให้เหมือนเก่าทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งเนื้อผ้า รูปทรง ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ด้วยคุณภาพการผลิตและเทคนิคเฉพาะที่แตกต่างรวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยลีวายส์ เลือกหยิบกางเกงยีนส์ 501 ในตำนานที่ผลิตในช่วงยุคสมัยคริสตศักราชต่างๆ มาผลิตใหม่ทั้งสิ้น 10 รุ่นคริสตศักราช
กางเกงยีนส์ 501 รุ่นปี 1890 เป็นปีแรกที่ลีวายส์ใช้ตัวเลข “501” เป็นรหัสรุ่นของกางเกงยีนส์ โดยในยุคนั้นตัวเลข “5” จะถูกใช้เป็นรหัสนำหน้าของสินค้าลีวายส์ ที่ผลิตจากวัสดุที่ดีที่สุด
กางเกงยีนส์ 501 รุ่นปี 1922 เพิ่มรูร้อยเข็มขัดตรงขอบกางเกงยีนส์ครั้งแรก แต่ยังคงมีกระดุมสำหรับใส่สายเอี๊ยม (suspender) และสายปรับกระชับ (Back buckle belt)
กางเกงยีนส์ 501 รุ่นปี 1933 เป็นรุ่นสุดท้ายที่มีสายปรับประชับ (back buckle belt) และกระดุมสำหรับใส่สายเอี๊ยม (suspender) จุดสำคัญที่สุดของรุ่นนี้ คือ ป้ายสีขาวเล็กๆ พิมพ์รูปนกอินทรีสีฟ้าและตัวอักษร “NRA” (National Recovery Act) ที่อยู่บริเวณป้ายหนัง นอกจากนี้ป้าย Guarantee Ticket ได้ถูกเปลี่ยนจากคำว่า ‘This is a pair of them’ เป็น ‘This is a pair of Levi’s ทรงกระบอกใหญ่ ขาตรง
กางเกงยีนส์ 501 รุ่นปี 1937 มีการเย็บป้ายเร้ดแท็ป (Red Tab) เข้ากับกระเป๋าหลังด้านขวาของกางเกงเป็นครั้งแรกเพื่อสร้างเอกลักษณ์อันโดดเด่นให้แบรนด์ลีวายส์® และซ่อนหมุดย้ำโลหะในการเย็บกระเป๋าหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนเวลานั่ง
กางเกงยีนส์ 501 รุ่นปี 1944 (World War II) ในสถานการณ์ขาดแคลนในสภาวะสงคราม ลีวายส์® ต้องตัดการตกแต่งที่ไม่จำเป็นออกเพื่อลดปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต โดยได้ตัดหมุดย้ำโลหะตรงเป้าด้านหน้าและสายปรับกระชับ (back buckle belt) ออก เส้นโค้งปีกนกบนกระเป๋าหลังถูกใช้วิธีการเพ้นท์สีแทนการเย็บด้วยเส้นด้าย กระดุมหน้าแบบโดนัท และกระดุมด้านบนเป็นรูปช่อมะกอก
กางเกงยีนส์ 501 รุ่นปี 1947 เป็นแม่แบบของกางเกงยีนส์ 501® ในปัจจุบัน ด้วยการตัดเย็บที่มีรูปทรงแบบสลิมเข้ารูปยิ่งขึ้น ใช้การเดินเส้นด้ายตรงกระเป๋าหลังแบบโค้งปีกนกด้วยจักรเป็นเส้นคู่ และเป็นช่วงที่คนยุคใหม่เริ่มหันมาใส่ยีนส์
กางเกงยีนส์ 501 รุ่นปี 1954 เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ใช้ซิปที่เป้ากางเกง และป้ายหนังมีการพิมพ์รหัส “501Z”
กางเกงยีนส์ 501 รุ่นปี 1955 เริ่มใช้ป้ายปะเก็นกระดาษแบบยุคปัจจุบันครั้งแรก โดยเป็นช่วงที่มีการใช้คำว่า Jeans แทนคำว่า Overall
กางเกงยีนส์ 501 รุ่นปี 1966 เริ่มใช้ Bar Tack แทนการตอกหมุดโลหะบนกระเป๋าหลังด้วยตะขอยึด เนื่องจากเมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน หมุดโลหะมักจะทะลุเนื้อผ้ายีนส์ออกมา และนี่เป็นช่วงปลายของการใช้ Big E บนป้ายเร้ดแท็ป (Red Tab) ส่วนกระเป๋าหลังโค้งคู่ปีกนกมีความโค้งน้อยกว่าปกติ
กางเกงยีนส์ 501 รุ่นปี 1978 มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโลโก้สัญลักษณ์ลีวายส์ บนป้ายเร้ดแท็ป (Red Tab) จาก LEVI’S เป็น Levi’s ทำให้เกิดคอนเซ็ปต์ใหม่ของความเป็น ‘Big E’ และ ‘Little e’